Thor
(ต่อ)
ก่อนที่ธอร์จะทันเอ่ยถามอะไร มันก็หันมาเห็นเทพและคณะเดินทางเข้าเสียก่อน ยักษ์ทำท่าทางเป็นมิตรบอกว่าจำทั้งธอร์และโลกิได้ แถมยังบอกอีกด้วยว่า มันชื่อสกรายเมียร์-Skrymir อาสาจะพาทั้งหมดไปอุตการ์ด จากนั้นมันก้มลงเก็บถุงมือ คณะเดินทางเพิ่งพบความจริงว่าที่ๆ พวกเขานอนเมื่อคืนก็คือบริเวณที่อยู่ตรงนิ้วหัวแม่มือของถุงมือยักษ์นี่เอง
สกรายเมียร์พาคณะเดินทางแบกมาบนบ่า ครั้นเดินทางมาได้พักใหญ่จนบ่ายยักษ์ก็บอกทั้งสี่ว่าจะของีบพักสักครู่ มันโยนถุงใส่ของให้เทพบอกให้หาของกินจากในนั้นได้ แล้วสกรายเมียร์ก็ลงนอนแบบไม่สนใจอะไรอีกต่อไป คณะเดินทางต่างคนต่างแยกย้าย โลกิกับเด็กทั้งสองออกไปหากิ่งไม้มาก่อกองไฟ ปล่อยให้ธอร์พยายามแกะปมที่ปากถุงใส่ของๆ ยักษ์ เวลาผ่านไปนานมากขนาดที่ว่ากองไฟของโลกิก่อขึ้นแล้ว แต่ธอร์ก็ยังแกะปากถุงของสกรายเมียร์ไม่สำเร็จ ไม่ว่าจะดึง กระชาก หรือสับก็ไม่เป็นผล โลกิหันมาพยายามต่อ แต่ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
ทั้งสองรู้สึกโกรธ คิดว่าเจ้ายักษ์ตัวนี้เล่นตลกเอาแล้ว ธอร์ไต่ขึ้นไปบนหัวยักษ์ เอาค้อน มจอลเนียร์ทุบ ฤทธิ์ของค้อนวิเศษแค่ทำให้สกรายเมียร์ส่งเสียงละเมอเหมือนใบไม้หล่นใส่ เล่นเอาธอร์ประหลาดใจซ้ำ
คณะเดินทางได้แต่มองหน้ากัน แต่เมื่อทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ก็ตกลงจะพักบ้าง กลางดึกคืนนั้น เหตุการณ์คล้ายที่ผ่านมาคืนก่อนก็เกิดซ้ำอีก สกรายเมียร์กรน เสียงกรนของยักษ์สร้างแรงสะเทือนชนิดที่ทั้งสี่นอนไม่ได้ ธอร์ไต่ขึ้นไปบนหัวยักษ์พร้อมมจอลเนียร์เป็นครั้งที่ 2 เอาค้อนทุบกะลงตรงกลางหน้าผาก สกรายเมียร์ปรือตาเห็นธอร์ยืนบนหัวก็ถามว่า ลูกโอ๊คหล่นใส่หัวเขาหรือไร เทพแห่งสายฟ้าไม่ตอบ แต่กระโดดลงจากหัวยักษ์ด้วยความงุนงง หงุดหงิด ค้อนมจอลเนียร์ทำให้เขาผิดหวังอีกแล้ว
เสียงกรนที่เงียบไปนานของสกรายเมียร์กลับมาอีกครั้งตอนรุ่งสาง คราวนี้หนักหนาเสียจนไม่มีใครนอนลง ธอร์ต้องลุกขึ้นอีกครั้ง หยิบค้อนมจอลเนียร์มาเหวี่ยงรอบหัวขว้างใส่ยักษ์ หมายเอาตรงขมับ ค้อนปลิวตามแรงของธอร์ฟาดเข้าเป้าแล้ววิ่งวนกลับมาหาเจ้าของ ประสิทธิภาพอันศักดิ์สิทธิ์คงเหมือนเดิม แต่…มันก็ยังทำอะไรยักษ์ไม่ได้ สกรายเมียร์แค่ตื่นขึ้นมาขยี้ตา ถามว่า เมื่อกี้มีนกบินผ่านมาหรือ มันรู้สึกเหมือนนกอึใส่
ตอนนี้สกรายเมียร์ตื่นจริงๆ เขาเก็บข้าวของส่วนตัวเตรียมแยกย้ายกับนักเดินทางทั้งสี่ ก่อนไปเขาชี้ทางให้เพื่อนใหม่ไปอุตการ์ดพร้อมทั้งเตือนว่าให้ระวังคำพูด เพราะพวกยักษ์มีความอดทนน้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนตัวเล็กๆเช่นคณะเดินทางทั้งสี่ ว่าแล้วก็โบกมือลาธอร์ โลกิ กับลูกชาวนาทั้งสองแยกมาตามทางที่สกรายเมียร์ชี้ให้ ไม่ช้านักทั้งสี่ก็เดินทางมาถึงประตูอุตการ์ด บานประตูเมืองใหญ่โตมโหฬารจนเทพและมนุษย์จะเปิดมันออกได้อย่างไร เห็นแต่ช่องพอจะเบียดตัวแทรกเข้าไปได้เท่านั้น คณะเดินทางไม่มีทางอื่น พวกเขาจำเป็นต้องค่อยๆ ลอดตามกันไป และที่หลังประตูนั่นเอง สิ่งที่ธอร์ปรารถนาจะได้พบก็รออยู่ครบ
ที่นั่นคือห้องโถงมหายักษ์ของอุตการ์ดโลกิ-Utgard-Loki ราชายักษ์ผู้พ่อมดขมังเวทย์ ในห้องเต็มไปด้วยสมาชิกยักษ์อื่นๆ รายรอบ ต่างคนต่างกุมอาวุธขนาดยักษ์รอท่าผู้มาเยือน อุตการ์ดโลกิรู้สึกขบขันที่ได้เห็นคนตัวเล็กๆ ในห้องโถงของพระองค์ จอมยักษ์เอื้อนเอ่ยออกมาว่า ไม่เคยมีใครได้รับอนุญาตให้เขามาในพระราชวังนอกจากจะพิสูจน์ให้เห็นว่ามีความสามารถอย่างใดอย่างหนึ่ง เกินกว่ายักษ์ซึ่งเป็นสมาชิกของที่นี่ คณะเดินทางมองหน้ากัน ธอร์ไม่รู้สึกหวาดหวั่น จึงรับคำท้าของยักษ์
โลกิเป็นคนแรกที่อาสา จอมโกงอ้างว่าเขากินเร็วกว่าใครๆ ในห้องโถงนั้น อุตการ์ดโลกิหัวเราะ ราชายักษ์ผายมือไปยังยักษ์โลกิ (ชื่อเดียวกันนะครับ) คู่ปรับที่มีความสามารถเท่าเทียมกัน ทั้งสองถูกจัดให้นั่งที่หัวโต๊ะยาว อาหารกองพะเนินถูกนำลำเลียงมาวางตรงหน้ายักษ์โลกิ และเทพโลกิราวกับภูเขา ทั้งสองตั้งหน้ากินๆ ๆและกิน
ปรากฏว่าเมื่อหมดเวลากำหนด ตรงหน้าเทพโลกิมีกองกระดูกเหลือมากมาย ขณะที่ยักษ์โลกิกวาดเรียบไม่ว่าเนื้อหรือกระดูกกระทั่งจานใส่ ยกนี้ยักษ์โลกิเลยเป็นฝ่ายชนะ
การแข่งครั้งต่อมาฝ่ายเทพเป็นหน้าที่ธิอัลฟี ซึ่งอ้างว่าวิ่งเร็วที่สุด อุตการ์ดโลกิหันไปเลือกคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมในหมู่ยักษ์ แล้วเรียกฮิวกิ-Hugi ออกมา กำหนดให้วิ่งแข่งกันสามรอบ มันเป็นการแข่งที่ต้องทำกันนอกปราสาท
รอบแรกธิอัลฟี วิ่งออกตัวล้ำหน้าฮิวกิเพียงนิดหน่อยความเร็วของเขาพอๆ กับลม แต่เพียงเสี้ยววินาทีฮิวกิก็วิ่งล้ำหน้า ความเร็วของยักษ์ค่อยๆ เพิ่มขึ้นๆ จนกระทั่งไปรอรับธิอัลฟีที่เส้นชัย รอบสองสถานการณ์ของผู้ช่วยธอร์ไม่ดีกว่ารอบแรก พอถึงรอบสามสภาพการณ์แย่หนักเข้าไปอีก ฮิวกิไปถึงเส้นชัยขณะที่ธิอัลฟีมาได้ครึ่งทาง การแข่งวิ่งปรากฏว่ายักษ์ชนะขาดไปอีก
ราชายักษ์หันหน้ามาหาธอร์ ถามหาสิ่งที่เทพต้องการแข่ง ธอร์ซึ่งหัวเสียกับการพ่ายแพ้ของฝ่ายตนพอควร ท้าทายให้ใครก็ได้มาแข่งดื่มเหล้ากับตน อุตการ์ดโลกินำถ้วยเขาสัตว์ออกมา บอกว่าพวกยักษ์ใช้ถ้วยนี้ดื่มและดื่มรวดเดียวหมดกันทุกคน จะมียักษ์ที่อ่อนแอหน่อยอาจดวดสักสองครั้ง แต่ไม่มีใครยกถ้วยเป็นครั้งที่สามเลย
ธอร์รับถ้วยเขาสัตว์ยกขึ้นดื่ม เขาแน่ใจเหลือเกินว่าตัวเองนี่ละที่จะเป็นผู้พิชิตชัยชนะจากยักษ์บ้าง เทพยกถ้วยค้างดื่มรวดเดียวจนคิดว่าหมดก็ลดถ้วยลง
"ให้ตายเถอะ!"..ธอร์สบถในใจ น้ำในถ้วยที่คิดว่าหมดแล้วปรากฏว่าลดระดับต่ำกว่าปากนิดเดียว ธอร์ยกขึ้นดื่มอีกครั้ง คิดว่าคราวนี้น่าจะหมด แต่พอลดถ้วยน้ำในนั้นต่ำกว่าเดิมนิดเดียว ไม่มีท่าว่าจะหมดเกลี้ยงอย่างที่คาด ธอร์ยกขึ้นดื่มอีกครั้ง ครายวนี้นานกว่าเคยเพื่อให้ดื่มได้จำนวนมากที่สุด แต่พอวางถ้วย น้ำในนั้นก็ยังไม่หมดสมดังหวัง
ราชาอุตการ์ดโลกิหัวเราะอย่างสมใจ เอ่ยถามธอร์ที่กำลังตะลึงกับผลงานไม่เข้าเป้าของตัวเอง
"ท่านยังต้องการแข่งอะไรอีกไหม?" ธอร์ซึ่งเต็มไปด้วยความผยอง ไม่ยอมแพ้ ทำท่าเหมือนพาล เขาตอบว่าอะไรก็ได้ที่ยักษ์เสนอ
"ถ้างั้นมาอุ้มแมวของข้าดู" อุตการ์ดโลกิว่า เจ้าแมวประหลาดของยักษ์โดดขึ้นมาจากใต้บัลลังก์ยืนตรงหน้าธอร์ราวกับรู้งาน
ธอร์ตรงเข้าไปหาแมวอย่างมั่นใจ ตอนแรกออกแรงแค่เบาๆ แมวหลับตาแกว่งหางสบายอารมณ์ไม่มีท่าว่าจะขยับ เขาเกร็งกล้ามเนื้อออกแรงมากขึ้นคว้าบั้นเอวแมวแล้วยกเต็มที่ ปรากฏว่าแมวประหลาดยังเฉย อุ้งเล็บของมันจิกเหนียวแน่นติดกับพื้นชนิดไม่มีทางถอน มันปรายตามองธอร์อย่างเริ่มรำคาญ เทพเปลี่ยนวิธีใหม่ ก้มลงเอาไหล่ดันท้องแมวกะจะแบก แต่แม้ว่าเขาจะเกร็งข้อลำจะตึงเขม็งปานใด ก็ทำได้แค่ยกเท้าแมวข้างหนึ่งให้พ้นพื้นได้เท่านั้น
ธอร์ทั้งเหนื่อยทั้งโมโห ร้องท้าให้อุตการ์ดโลกินำคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมมาปล้ำแข่งกับเขาดีกว่า จอมยักษ์หัวเราะเยาะ
"ท่านอยากแพ้อีกหรือ" เขาว่า "แต่เอาเถอะ ถ้าอยากจะปล้ำนักก็มาลองกับแม่ข้าก่อน"
ยังไม่ทันที่ธอร์จะว่าอะไร เอลลี่-Elli นางยักษ์ชราก็จู่โจมใส่ธอร์ชนิดไม่ทันตั้งตัว แรกๆ เขายั้งมือ ไปๆ มาๆ ธอร์กลับต้องทุ่มสุดแรงเกิดก็ยังไม่มีทีท่าจะชนะยักษ์จนนี้ได้ เก่งที่สุดก็เพียงยกขานางยักษ์ชราขึ้นจากพื้นได้ข้างเดียว ปล้ำกันไปปล้ำกันมาเพียงครู่เดียวยักษ์เอลลี่จบเกมแข่งขันด้วยการทิ้งน้ำหนักไปข้างหนึ่งพาให้ธอร์คู่ปล้ำล้มทั้งยืน ซึ่งก็เป็นสัญญาณหมายถึงความพ่ายแพ้ของคณะเทพอย่างเด็ดขาด อุตการ์ดโลกิสั่งหยุดการแข่งขัน
"วันนี้เราใช้เวลามากไปแล้ว" เขาสั่งบริวารนำอาหารเข้ามาเลี้ยงคณะเดินทางทั้งสี่ แล้วพาไปนอนในห้องพักที่มีเตียงนุ่ม ความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทางรวมทั้งการออกแรงแข่งขัน ทำให้ต่างคนต่างหลับเป็นตาย
เช้าวันต่อมาอุตการ์ดโลกิส่งคนมาปลุกคณะเดินทางให้ลุกขึ้นมากินอาหารแต่เช้า หลังจากนั้นก็พามาส่งนอกกำแพง
"เทพแห่งสายฟ้า ท่านจะไม่มีทางได้ย่างเหยียบเข้ามาที่นี่อีกแล้ว" อุตการ์ดโลกิบอกคณะเดินทางด้วยสีหน้าจริงใจ ทุกคนในคณะต่างรู้สึกอับอายที่แพ้ยักษ์ไปเสียทุกเรื่อง
"แต่ก่อนท่านจะจากไป เราจะบอกความจริงกับท่าน" จอมยักษ์ว่า "อันที่จริงคู่ต่อสู้ที่ท่านได้พบไม่ใช่ยักษ์อย่างพวกข้าเลยแม้แต่คนเดียว" เขาหยุดครู่หนึ่งแลดูสีหน้าของผู้มาเยือน
"ข้ารู้ตั้งแต่แรกว่าท่านมาถึงจึงแปลงตัวไปรับ ข้าเองนี่ละคือสกรายเมียร์ ภาพลวงของธรรมชาติ ซึ่งท่านธอร์ทุบกะโหลกยักษ์สกรายเมียร์สามครั้ง ไม่ได้โดนยักษ์เลยแต่ไพล่ไปโดนพื้นดินที่ท่านมองไม่เห็น แรงทุบของท่านไม่ใช่ว่าไม่แรง แต่ละครั้งทำให้เกิดหุบลึกขึ้นในภูมิประเทศถึงสามแห่ง และแต่ละแห่งก็ลึกลงไปเรื่อยๆ ตามแรงของท่าน" พ่อมดยักษ์เหลือบตาดูคณะเทพ ใบหน้าของธอร์เริ่มมีเลือดฉีดด้วยความฉุนเฉียว แต่เขายังต้องฟังคำพูดของอุตการ์ดโลกิต่อไป
"เรื่องการแข่งขัน ที่เทพโลกิกินไม่ชนะก็เพราะยักษ์โลกิที่แข่งกับท่านคือไฟป่าซึ่งกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางอยู่ ธิอัลฟีวิ่งแข่งกับยักษ์ฮิวกิไม่ชนะ เพราะยักษ์ฮิวกิที่ท่านเห็นไม่ใช่ยักษ์ แต่คือ"ความคิด" จะมีใครหรืออะไรบ้างเล่าจะเร็วกว่าความคิดไปได้" อุตการ์ดโลกิปรายตามายังเทพ
"ส่วนท่าน ธอร์ ครั้งแรกท่านแข่งดื่มโดยไม่รู้หรอกว่าถ้วยใบนั้นโยงใยกับน้ำในมหาสมุทร ซึ่งไม่มีใครหรืออะไรทำให้มันลดได้ ครั้งต่อมา แมวที่ท่านแบกไม่ขึ้นก็คือพญางูจอร์มุนกานด์ซึ่งขดตัวล้อมรอบมิดการ์ดอยู่ใต้สมุทร และสุดท้าย ยักษ์ชราเอลลี่ก็คือความชราซึ่งไม่มีใครชนะได้เลย"
ธอร์ตระหนักความจริง เขาไม่ได้แข่งกับยักษ์ แต่โดนยักษ์ซ้อนกลให้แข่งกับธรรมชาติสิ่งที่ไม่มีใครเอาชนะได้ ธอร์ยกค้อนมจอลเนียร์ขึ้นกวัดแกว่งกะขว้างไปฟาดอุตการ์ดโลกิให้แบน แต่พ่อมดยักษ์หายวับไปพร้อมกับเมืองอุตการ์ด เมืองลวงตาที่เขาเสกขึ้นต้อนรับคณะเทพ ทิ้งแต่เสียงหัวเราะก้องภูผาอันเปล่าเปลี่ยวภูมิประเทศที่แท้จริงของโจตันไฮล์ม
ทั้งสี่เดินทางกลับ ข้ามทะเลไปเอาราชรถของธอร์ที่ฝากไว้บ้านชาวนา แล้วกลับธรุดไฮล์มด้วยความกระหยิ่มใจ ธอร์คิดว่าการผจญภัยต่อสู้กับอุบายของยักษ์ ถึงแม้จะน่าอับอายหน่อยๆ แต่มันก็เกิดขึ้นเพราะยักษ์กลัวเทพ และกลัวพลังของตน คงเป็นเรื่องยากที่พวกมันจะเข้าโจมตีแอส การ์ดอย่างที่ใครๆ พากันกลัว (อันนี้ธอร์แน่ใจไปหน่อยครับเขาไม่รู้หรอกว่าคนที่เดินทางเคียงข้างกับเขาในครั้งนี้นั่นแหละจะเป็นคนพายักษ์เข้าโจมตีสวรรค์ในภายภาคหน้า)