Thor : เทพเจ้าสายฟ้า


ธอร
ความแข็งแรงของธอร์สร้างปัญหาให้กับชาวแอสการ์ด
ธอร์เป็นเทพหนึ่งใน 12 เทพสำคัญของสภาแกลดไฮล์ม-Gladsheim
ธรุดและอัลวิส
การเดินทางครั้งสำคัญสู่โจตันไฮล์ม
การเดินทางครั้งสำคัญสู่โจตันไฮล์ม 2
ฆ้อนหาย

 

 

 

 

บทนำ :หากพูดชื่อนี้มาใครๆก็คงจะคุ้นหูเลยเคยได้ยินกันบ้าง เทพนักรบสายฟ้าอันเกรี้ยวกราด เทพ Thor นั่นเองตำนานของเทพองค์นี้ล้วนแต่น่าสนใจทั้งสิ้น และเนื้อเรื่องของเทพองค์นี้ยเอะเอามากๆถ้าใครสนใจก็พยามอ่านกันนะครับ เอาเป็นว่าเราไปทำความรู้จักกับเทพองค์นี้กัน

ธอร

เป็นลูกของโอดินและจอร์ดนางยักษ์แห่งแผ่นดินซึ่งมีฐานะเป็นครึ่งเทพ แต่แม้ว่าแม่ของเขาจะเป็นยักษ์ แต่ธอร์กลับเกลียดยักษ์เข้าไส้ตลอดชีวิตเช่นเดียวกับโอดิน คงจะพิศมัยเฉพาะยักษ์สาวๆ เช่นเดียวกับพ่ออีกเหมือนกัน (เป็นลูกพ่อจริงๆ) ธอร์เป็นผู้มีพละกำลังมหาศาล กินจุ กินดุมาตั้งแต่กำเนิด อีกทั้งยังขี้โมโห ขี้หงุดหงิดจนเป็นที่เลื่องลือ ชื่อของธอร์คือที่มาของวันพฤหัส-Thursday ในภาษาฝรั่ง ซึ่งลักษณะของเทพก็ไม่ตรงกับลักษณะของวันเอาเลย

ความแข็งแรงของธอร์สร้างปัญหาให้กับชาวแอสการ์ด (และตัวเขาเองด้วย)

ขนาดอายุไม่เท่าไรเขาก็แบกเอาม้วนหนังหมีขนาดใหญ่ 10 ม้วนเดินเล่นสบายใจเฉิบ ทำเอาเทพที่มีร่วมชุมนุมฉลองให้ต่างอ้าปากค้างไปตามๆ กัน ธอร์เลยต้องถูกส่งไปให้วิงเนียร์-Vingnir และโลร่า-Hlora สามีภรรยาผู้รักษาสายฟ้าเอาไปเลี้ยงนอกสวรรค์ช่วยเลี้ยงดูจนกว่าจะเติบโตพอควบคุมอารมณ์ได้ค่อยส่งกลับมาแอสการ์ดใหม่ ด้วยเหตุนี้เขาเลยกลายเป็นเทพแห่งสายฟ้าไปโดยปริยาย
เมื่อเติบโตขึ้นเทพองค์นี้ก็สูงใหญ่ แข็งแรงใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราสีแดงอันเป็นสัญลักษณ์ของสายฟ้าแลบ เสียงของเขากึกก้องน่ากลัวราวกับเสียงฟ้าฟาด ไม่ค่อยมีใครทนเขาได้นอกจากโลกิจอมโกง อาจเป็นเพราะธอร์เป็นเลิศในทางพลัง ส่วนอีกฝ่ายเป็นเลิศในทางปัญญา สมดุลที่พอฟัดพอเหวี่ยง โลกิจึงกลายเป็นเพื่อนผจญภัย (อย่างกระท่อนกระแท่น) ของธอร์ในหลายครั้ง

ธอร์เป็นเทพหนึ่งใน 12 เทพสำคัญของสภาแกลดไฮล์ม-Gladsheim

เป็นกำลังสำคัญที่ทำให้บรรดาเทพอุ่นใจว่าอย่างน้อยเมื่อธอร์อยู่จะไม่มียักษ์มากวนใจ เขามีพระราชวังของตัวเองชื่อบิลสเกอร์เนียร์-Bilskirnir อยู่บริเวณธรุดไฮล์ม-Thrudheim รอบนอกของแอสการ์ด ด้วยเหตุที่เขามีหน้าที่เป็นเทพของคนยากและทาส พระราชวังนี้เลยเต็มไปด้วยวิญญาณทหารและชาวไร่ชาวนา ซึ่งเป็นพวกที่ตามมารับใช้วิญญาณของนายที่เป็นนักรบที่ขึ้นมาอยู่บนวัลฮัลลาแต่แม้จะมีความสำคัญมากมายขนาดนี้ ธอร์กลับเป็นเทพองค์เดียวที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สะพานสายรุ้ง เพราะต่างกลัวกันว่าฝีเท้าของเขาซึ่งก็คือสายฟ้า จะทำลายสะพานพังลง ดังนั้นเวลาธอร์จะมาแกลดสไฮล์มแต่ละที เขาจะต้องใช้ทางอ้อม ข้ามมาทางแม่น้ำออมต์และแม่น้ำคอมต์กับสายธารเกอลัง ธอร์มีอาวุธวิเศษอยู่สามอย่าง ที่สำคัญคือค้อนมจอลเนียร์-Mjolnir ผลงานของคนแคระซินดรี-Sindri ถึงแม้ด้ามมันจะสั้นไปสักหน่อยแต่มันกลับเหมาะให้เทพเหวี่ยงใส่ศัตรูมากกว่าทุบ จากนั้นมันจะหมุนกลับมากหาเจ้าของเอง อย่างที่สองเข็มขัดรัดเอวเพิ่มพลัง อย่างที่สามคือถุงมือวิเศษใช้คู่กับค้อน ทั้งสามอย่างนี้เป็นอาวุธคู่มือที่ช่วยธอร์ผจญภัยหลายครั้ง นอกจากนี้ธอร์ยังมีราชรถเทียมแพะชื่อทังนิออสกับทังริสต์ไว้ใช้ในบางโอกาสที่ไม่ต้องการเดินทางด้วยเท้า ภาพเขียนของยุโรปหลายภาพจึงมีรูปธอร์ปรากฏอยู่บนรถเทียมแพะที่ว่านี้
ธอร์มีเมียสองคน คนแรกเป็นยักษ์ชื่อลานซาซ่า-Larnsaxa มีลูกชายกับยักษีตนนี้สอง คือแมกนี-Magni (ความแข็งแกร่ง) โมดี-Modi (ความกล้าหาญ) เป็นเทพครึ่งยักษ์สองคนที่รอดจากช่วงแร็กนาร็อค
เมียคนที่สองเป็นเทพด้วยกันชื่อซิฟ-Sif คนนี้ผมสวยมาก ทั้งยาวและสมบูรณ์เหมือนรวงข้าวกำลังสุก กับเทพีองค์นี้ธอร์มีลูกด้วยสองคน เป็นชายชื่อ ลอร์ไรด์-Lorride และเป็นหญิงชื่อ ธรุด-Thrud ธรุดมีร่างกายใหญ่โตเหมือนยักษ์ แต่งามเหมือนเทพธิดา ความงามของเจ้าหล่อนเล่นเอาบรรดาผู้ชายทุกเหล่าไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เทพหรือคนแคระ ต่างก็เพ้อหานางด้วยกันทั้งนั้น แต่ปรากฏว่าคนที่ธรุดยอมคบหาด้วยกลับเป็นคนแคระชื่ออัลวิส-Alvis หน้าตาไม่หล่อเหลา ร่างกายก็เล็กแคระ แต่ปัญญามากจนเอาชนะใจสาวได้ ติดอยู่นิ๊ดเดียวเท่านั้นละครับก็ตรงที่ เทพธอร์เป็นพ่อประเภทหวงลูกสาวมาก ไม่ว่าใครก็ตามที่มาติดพันเขาไม่ชอบทั้งนั้น ความหวงลูกของธอร์ถึงขนาดทำร้ายฝ่ายที่จะมาพรากลูกไปจากอกเขาได้ง่ายๆ

ธรุดและอัลวิส


อย่างที่บอกละครับว่าธรุดและอัลวิสเริ่มพึงใจกัน ความรักระหว่างสองคนนี้เริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อยๆ โดยที่ธอร์ไม่รู้ ก็เนื่องจากเหตุเดียวละครับ อัลวิสเป็นคนแคระไง คนแคระเวลาจะออกเดินทางไปไหนมาไหนทีต้องรอตอนกลางคืน ฉะนั้นเวลาที่อัลวิสมาหาธรุดก็เป็นเวลากลางคืนที่ธอร์หลับไปนานแล้ว
ถึงอย่างนั้นธอร์ก็ระแคะระคาย เขาไม่ชอบว่าที่ลูกเขยตัวเตี้ย หรือคนไหนๆ ทั้งนั้น อุปสรรคอย่างเดียวที่ทำให้เขาจับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็คือเวลาที่ไม่ตรงกันนั่นละครับ ธอร์หลับอัลวิสมา อัลวิส กลับธอร์ตื่น เป็นอย่างนี้เรื่อยมา มันเป็นช่วงเวลาที่นานพอจะทำให้หนุ่มสาวสานสัมพันธ์จนกลายเป็นความรักที่ทวีขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นที่คนแคระเอ่ยปากขอธรุดแต่งงาน และสาวเจ้าก็ยินดีอย่างสุดๆ
แต่แล้วคืนนั้นเอง ธอร์กลับปรากฏตัวขึ้นกลางดึก เขาเพิ่งกลับมาจากแกลดสไฮล์มสภาเทพ เจอเข้ากับคู่รักกำลังพร่ำคำสัญญาต่อกันอย่างจังโดยที่หนุ่มสาวทั้งสองก็ไม่ทันระวังตัว ภาพทั้งสองอยู่ด้วยกันทำให้ความโกรธของธอร์แล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ ธอร์พยายามสะกดอารมณ์ ครู่หนึ่งเขาเรียกมนุษย์ตัวเตี้ยเข้าไปคุยกันสองคนในห้อง จากนั้นตั้งปัญหาทดสอบประลองปัญญาคำถามแล้วคำถามเล่าเพื่อจะหยั่งว่า เจ้าแคระนี่จะเลี้ยงดูลูกสาวเขาได้หรือไม่ แต่ปรากฏว่าอัลวิสตอบคำถามได้หมดไม่มีติดขัดจนธอร์ไม่รู้จะถามอะไร ช่วงเวลาที่เงียบงันทำให้คนแคระเหมาเอาเองว่าเมื่อสิ้นคำถาม การทดสอบก็ถือว่าผ่าน อัลวิสรีบออกไปหาธรุดด้านนอก…แต่เจ้าคนแคระคาดผิด เขาประเมินเทพเจ้าต่ำไป
อัลวิสมัวแต่ตอบคำถาม มุ่งหวังจะได้ลูกสาวของเทพเพียงอย่างเดียวจนทำให้ลืมเวลา ลืมไปว่าเขาคือคนแคระ เมื่ออัลวิสเอื้อมมือไปสัมผัสมือธรุด แสงอาทิตย์แรกของวันก็สาดลงมาพอดี ร่างของอัลวิสกลายเป็นหินในฉับพลัน ความรัก ความฝันของหนุ่มสาวละลายกลายเป็นอากาศธาตุ เป็นบทเรียนของผู้มุ่งหมายลูกสาวเทพตั้งแต่นั้นมา

การเดินทางครั้งสำคัญสู่โจตันไฮล์ม


ธอร์เดินทางผจญภัยอยู่หลายครั้ง แต่ครั้งสำคัญครั้งหนึ่งไม่พ้นการเดินทางสู่โจตันไฮล์ม เพราะการเดินทางครั้งนี้ธอร์ต้องประลองทั้งความอดทน ประลองด้วยปัญญาความสามารถ ที่สำคัญเป็นครั้งที่เขาได้คนสนิทคู่ใจคนสำคัญมาไว้ใช้ด้วยซิ
เรื่องเริ่มขึ้นในวันหนึ่งกลางฤดูร้อน ธอร์นั่งเพ่งมองไปยังโจตันไฮล์มอาณาเขตของยักษ์ จู่ๆ เทพก็มีความรู้สึกว่าพวกยักษ์กำลังจะยกกำลังมาตีแอสการ์ดในไม่ช้านี้ ธอร์รู้สึกหงุดหงิดคิดว่ามันน่าจะเป็นหน้าที่ของเขามากกว่าที่บุกไปถึงอุตการ์ด-Utgard เมืองใหญ่ของโจตันไฮล์ม แล้วจัดการล้างวงศ์ยักษ์ซึ่งก็มีอยู่ไม่เท่าไหร่เสียให้สิ้น ดีกว่ามานั่งรอจุดจบอย่างที่เป็นอยู่ทุกวัน
ข่าวธอร์จะไปอุดการ์ด กระจายไปทั่วหมู่เทพ ข่าวนี้ทำให้โลกิเสนอตัวจะเดินทางไปด้วย เทพจอมลวงอ้างว่า การไปอุตการ์ดโดยมีธอร์ผู้ทรงพลังไปเพียงผู้เดียวดูจะเสี่ยงเกินไป อย่างน้อยน่าจะมีคนปัญญาไวอย่างเขาเดินทางไปด้วย ธอร์ตกลงครับ ถึงเขาจะรู้จักนิสัยของเทพองค์นี้ว่ามักสร้างปัญหาให้แก่คนรอบข้างมากเพียงใด แต่หลายครั้งเหมือนกันที่ความไวปัญญาของโลกิใช้ได้ผล สองราจึงออกเดินทางไปสู่ดินแดนยักษ์บนราชรถเทียมแพะที่ผมพูดถึงเมื่อกี้นั่นแหละ
ธอร์และโลกิลงมาจากแอสการ์ด ผ่านลงมายังแดนมนุษย์ ระยะทางที่ไกลจัดทำให้ตกเย็นเสียก่อนที่ทั้งสองจะไปถึงชายแดนมิดการ์ด เทพธอร์เห็นบ้านหลังหนึ่งกลางป่าก็คิดว่าน่าจะหยุดพักค้างคืนที่นี่กันเสียหน่อย ทั้งๆ ที่โลกิไม่ชอบ โลกิเห็นว่าบ้านหลังนั้นทรุดโทรมจวนจะพังมิพังแหล่ เจ้าของคงเป็นคนยากจน ไม่มีทางหาอะไรดีๆ ให้เทพอย่างพวกเขากินได้ ส่วนธอร์ เนื่องด้วยเขาเป็นเทพแห่งคนยาก เรื่องความจนไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจสำหรับเขาอยู่แล้ว เขาจึงว่าคนในบ้านกินอะไรเขาก็กินอย่างนั้นได้
ไม่พูดพล่ามทำเพลง ธอร์หยุดรถ ผูกแพะไว้ด้านนอกแล้วก้าวเข้าไปหาเจ้าของบ้าน เทพโลกิทำอะไรไม่ได้ต้องตามลงมา ความหงุดหงิดเริ่มเดือดพ่นฟองในสมองของเขาแล้วซิตอนนี้ ชาวนากับครอบครัวค่อนข้างตกใจที่จู่ๆ เทพเจ้าสององค์ก็โผล่เข้ามาในบ้าน แต่ทุกคนต่างก็กุลีกุจอตอนรับ ยอมสละเอาของที่ดีที่สุดมาให้ ไม่ว่าจะเป็นเตียงยัดฟางภายในของตน หรือที่พักอุ่นๆ หน้าเตาผิง แต่พอมาถึงเรื่องอาหารชาวนากับครอบครัวมีแต่ผักที่ปลูกไว้ ไม่มีเนื้ออะไรสักอย่างเป็นอาหารแก่เทพ
เพื่อรักษาคำพูด ธอร์เดินออกไปข้างนอก จับแพะทังนิออสและทังกรีสเชือด เอาร่างเข้ามาในกระท่อม สั่งให้ชาวนาเอาไปทำอาหาร เทพบอกชาวนาให้กินให้เต็มที่ ขออย่างเดียวอย่าทุบกระดูกไม่ว่าชิ้นไหนทั้งสิ้น เพราะเขาจะเอากระดูกใส่กลับไปใต้หนังหลังกินอิ่มแล้ว และจะเสกให้มันคืนชีพอีกครั้งพรุ่งนี้เช้า ชาวนาก็ทำตามครับ เขากับครอบครัวรับเอาแพะไปจัดการถลกหนังอย่างระมัดระวังแล้วย่างแพะมาขึ้นโต๊ะให้เทพ แบ่งส่วนของตัวเองเข้าไปกินกันในครัวตามประสา
ข้างฝ่ายโลกิครับ ได้ยินและได้เห็นเหตุการณ์ตลอด ความหมั่นไส้ไม่เลือกที่ซึ่งก่อตัวมาแล้วตั้งแต่เมื่อครู่ ทำให้เขามองเห็นทาง เขาอยากแกล้วชาวนานักที่ดันมาปลูกกระท่อมขวางทางให้ธอร์ต้องหยุดพัก ก็เลยค่อยๆ ดอดเข้าไปในครัว ได้ทีตีสนิทกับลูกชาวนาคนหนึ่งที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย ยุให้ลูกคนนั้นทุบกระดูกแพะกินไขข้างในซึ่งรสชาติดีกว่า เด็กชายเชื่อคำยุ เขาทุบกระดูกขาข้างหนึ่งดูดกินอย่างเปรมปรี จากนั้นก็เอากระดูกยัดใส่ไว้ใต้หนังตามคำสั่งของธอร์
รุ่งขึ้น เมื่อธอร์เตรียมตัวเดินทางเรียบร้อย เขาก็ออกไปเสกแพะให้กลับมีชีวิต ปรากฏว่าเมื่อแพะกลับสู่ร่างเดิม ตัวหนึ่งกลับเดินลากขาเสียแล้ว เทพรู้ทันทีว่าคำสั่งของเขาถูกละเมิด ความฉุนเฉียวพลุ่งขึ้นมาจนระเบิดต่อว่าต่อขานชาวนาอย่างแรงแล้วยึดลูกสองคนของชาวนามาเป็นคนรับใช้ ลูกชายชื่อ ธิอัลฟี-Thaialfi (คนที่กินไขกระดูกและกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากับโลกิตั้งแต่นั้น) และลูกสาวชื่อ รอสก์วา-Roskva สองคนนี้กลายเป็นคนรับใช้ ผู้ช่วยเหลือ และผู้แนะนำที่เลื่องชื่อของธอร์ไปตลอด ชาวนาผู้เป็นพ่อแม่หรือครับ ทำอะไรไม่ได้หรอกก็ลูกของเจ้าผิดจริงนี่นา
การเดินทางเริ่มขึ้นอีกครั้งโดยสมาชิกสี่คน ทั้งหมดเดินทางจนถึงชายแดนมิดการ์ดถึงมหาสมุทรที่กั้นระหว่างแดนมนุษย์กับ โจตันไฮล์มพยายามหาทางข้าม ขณะเดินเลียบชายฝั่งมาได้พักหนึ่ง ก็พบเรือถูกทิ้ง ธอร์สั่งให้ผู้ร่วมทางลงเรือเขาเป็นคนพาย ไม่ต้องสงสัยนะครับว่าด้วยกำลังมหาศาลของเทพ เขาก็พาคณะผจญภัยมาขึ้นฝั่งดินแดนของยักษ์ในไม่ช้า
พอขึ้นบกได้ ทั้งสี่ก็เดินเท้ากันต่อ ผ่านต้นไม้ใหญ่ยักษ์และต้นเล็กแคระ ผ่านหุบห้วยและสายธารรูปร่างแปลกๆ ที่กลางป่า จู่ๆ คณะเดินทางก็เจอเข้ากับห้องโถงหน้าตาของมันคล้ายสิ่งก่อสร้างไม่มีประตูไม่มีหน้าต่าง ผนังก็เรียบๆ โค้งๆ แบบที่พวกเขาไม่เคยพบมาก่อน ทางเข้ารึก็เปิดโล่งด้านเดียว ทั้งสี่เลยตกลงใจเข้าไปเดินสำรวจ ปรากฏว่าโถงที่พบนี้ใหญ่ว่าวัลฮัลลาและบิลสเกอร์เนียร์ของธอร์รวมกัน แต่ด้วยความเหนื่อยและอ่อนเพลีย ทั้งหมดจึงตัดสินใจตั้งค่ายพักกันที่นี่ พวกเขาหลับไปในเวลาอันรวดเร็ว
ทว่ากลางดึกคืนนั้น คณะเดินทางต่างต้องตกใจตื่นขึ้นมาเพราะเสียงกัมปนาท เสียงที่ว่าดังราวท้องฟ้าถูกฉีกเป็นริ้ว แรงสะเทือนของเสียงทำให้แผ่นดินไหว ตอนแรกต่างคนต่างรีบฉวยข้าวของติดตัวจะหนีออกไปข้างนอก แต่เสียงดังกล่าวยังคงดังอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีอะไรมากกว่านั้น ธอร์จึงตัดสินใจให้ย้ายไปอยู่ห้องที่เล็กกว่าที่เขาเพิ่งพบ อย่างน้อยถ้ามีอะไรเกิดขึ้น พวกเขายังหาทางป้องกันตัวได้ดีกว่า
เสียงดังคับฟ้าที่ว่าดังต่อเนื่องมาตลอดจนถึงเช้า คณะเดินทางออกไปข้างนอกห้องโถงจึงได้พบที่มาของเสียง มันเป็นเสียงกรนของยักษ์ตนหนึ่งที่นอนอยู่แถวนั้น ธอร์ปลุกยักษ์ เขาพยายามอยู่หลายครั้งจนร่ำๆ จะใช้ค้อนมจอลเนียร์ทุบเข้าให้สักทีแต่ยักษ์ก็ตื่นขึ้นมาเสียก่อน เจ้ายักษ์ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ทว่าพอแค่มันยืนขึ้นเท่านั้น ธอร์ก็ประหลาดใจเป็นล้นพ้นกับขนาดที่ไม่เหมือนยักษ์ทั่วไป มันสูงเยี่ยมเทียมขุนเขาทำให้เทพร่างใหญ่เช่นธอร์กลายเป็นมดได้ในบัดดล